เรียงตามคะแนนยอดขาย 10 อันดับ เครื่องชงชา minimex เด็ด ต้องได้ ต้องโดน บอกเลย! ข้อมูลปี2024
ซื้อเลย!! สุดยอดเครื่องชงชา minimexถูกและดีมีที่ไหน คลิกเลย!!! *** ส่งฟรี 100% โดยKerry - เครื่องบดเมล็ดกาแฟ MINIMEX MCG3 เครื่องบด เมล็ดกาแฟ เม็ดกาแฟ เครืองชงกาแฟ กาแฟแคปซูล เครื่องชงกาแฟสด เครื่องชงกาแฟแคปซูล กาแฟ แคปซูล แคปซูลกาแฟ กาแฟอเมซอน กาแฟดํา กาแฟสด กาแฟลดน้ำหนัก กาแฟสำเร็จรูป กาแฟคั่วบด nes skg mi illy cup ก่อนซื้อ เพื่อเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการเลือกซื้อสินค้า ดูรายละเอียด เครื่องชงชา 220V 1L 600w Automatic electric kettle คุณลักษณะ ของผลิตภัณฑ์พร้อมบริการการจัดส่งที่รวดเร็ว
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อ"เครื่องชงชา minimex"แต่ละชนิดนั้นมีทั้ง ลดกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเครื่องคั้นน้ำส้ม MINIMEX MCJ1 1 ลิตร, เครื่องทำน้ำเต้าหู้ เครื่องทำนมถั่วเหลืองMini เครื่องทำน้ำผลไม้ ทำอาหารเหลว เครื่องชงชา โจ๊ก ซุป 350ml ของแถมอุปกรณ์ครบชุด 400W Plugfire,และ***ส่งฟรี100%โดยKerry - เครื่องชงกาแฟ แรงดัน MINIMEX MBL1-BL ระบบหม้อต้ม ฟองนม 1.2 ลิตร เครืองชงกาแฟ กาแฟแคปซูล เครื่องชงกาแฟสด เครื่องชงกาแฟแคปซูล กาแฟ แคปซูล แคปซูลกาแฟ กาแฟอเมซอน กาแฟดํา กาแฟสด กาแฟลดน้ำหนัก กาแฟสำเร็จรูป กาแฟคั่วบด nes skg mi illy cup นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในเครื่องชงชา minimexอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับแนะนำ 10 อันดับเครื่องชงชา minimexแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้
บทสรุป
สำหรับเครื่องชงชา minimex 10 อันดับ ต่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน สามารถเลือกและตอบโจทย์ของลูกค้าทุกท่านได้เป็นอย่างดี หวังว่ารีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะคะพ่อบ้านแม่บ้านคนไหนที่กำลังมองหากิจกรรมยามว่างในช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนอยู่บ้านแบบนี้ การมี "เครื่องทำเครป" สักเครื่องติดบ้านไว้ก็คงจะช่วยแก้เบื่อได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากเจ้าเครื่องนี้จะสามารถทำเครปได้ง่ายดายและน่ารับประทานแล้ว ยังนำไปประยุกต์ทำแพนเค้กหรือโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ได้อีกด้วย
แต่จะว่าไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นเครื่องใช้ในครัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่รู้หรือไม่คะว่า องค์ประกอบบางอย่างของเครื่องทำเครปก็ส่งผลต่อหน้าตาและความน่าทานของเครปได้ด้วย ดังนั้น ทางทีมงานจึงไม่พลาดที่จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกเทคนิคการเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจ แถมด้วย 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดฮิตที่ต้องบอกต่อให้ทุกคนได้เลือกซื้อมาไว้ติดบ้านกัน เพราะถ้าอยู่บ้านมันเหงา เราก็มาหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่าค่ะ !
อย่างที่บอกไปในช่วงแรกว่า หากดูเผิน ๆ เครื่องทำเครปของผู้ผลิตแทบทุกรายจะมีหน้าตาที่คล้ายกันไปหมด แล้วจะเลือกเครื่องทำเครปที่ถูกใจเราได้อย่างไรล่ะ ? เพื่อหาคำตอบของโจทย์นี้ รีบไปดูวิธีการเลือกกันเลยค่ะ
ข้อแรกคือประเภทเครื่องทำเครป ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ “แบบเตา” และ “แบบพกพา” ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้ ถือว่ามีผลต่อลักษณะของเครปและต้องเลือกใช้ให้ตรงกับสูตรต่าง ๆ รวมถึงวิธีการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น คุณควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วยนะคะ
สำหรับใครที่ต้องการจะทำเครปเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ขอแนะนำเครื่องทำเครปประเภท "เตา" เลยค่ะ เนื่องจากเครื่องประเภทนี้สามารถปรับระดับความร้อนให้สูงขึ้นได้เพราะใช้ร่วมกับแก๊ส จึงทำให้ความร้อนกระจายตามจุดต่าง ๆ บนเตาซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำเครปขนาดใหญ่ทานแล้ว ยังเหมาะกับการนำไปทำเครปขายเป็นอาชีพเสริมด้วยค่ะ
แต่ข้อควรระวังจากการกระจายความร้อนได้อย่างรวดเร็วนั้นก็คือ การเทแป้งในแต่ละครั้ง แป้งจะสุกและกรอบเร็วมาก ทำให้จำเป็นจะต้องใช้ความชำนาญในการเกลี่ยแป้งให้หนาสม่ำเสมอกัน ดังนั้น หากคุณเพิ่งเริ่มทำในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับการวนแป้งไประยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้ เครื่องประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่ คุณจึงควรเช็กให้ดีก่อนว่ามีพื้นที่จัดเก็บหรือไม่ค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ความสุขเล็ก ๆ สำหรับการทำขนม เราแนะนำให้เลือก “เครื่องทำเครปแบบพกพา” เพื่อช่วยให้การทำเครปมีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเภทนี้เหมาะสมกับมือใหม่อย่างยิ่ง โดยลักษณะเครื่องจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบที่ใช้แก๊สหรือกระทะ และแบบที่ใช้ไฟฟ้าค่ะ
แบบกระทะนั้นจะมีข้อเสีย คือ ความร้อนมักจะกระจายไม่ทั่วถึง ทำให้แป้งสุกไม่เท่ากัน รวมถึงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่จะค่อนข้างเล็ก จึงต้องมีด้ามจับที่ผู้ใช้งานต้องถืออยู่ตลอดเวลา คุณจึงต้องระมัดระวังอันตรายระหว่างการใช้ด้วย นอกจากนี้ แม้ว่าแบบไฟฟ้าหลายรุ่นจะสามารถปรับอุณหภูมิได้ แต่บางครั้งความร้อนก็อาจกระจายไม่ทั่วถึง และส่วนใหญ่มักมีการเคลือบผิวหน้าเตา ทำให้เนื้อแป้งจะไม่ค่อยติด ส่งผลให้ในขณะเกลี่ยแป้งเครปนั้น เนื้อเครปก็จะเสียรูปง่ายได้ขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่า รูปแบบเหล่านี้ถึงแม้จะมีข้อดี คือ พกพาได้สะดวก แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังขณะใช้งานอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเลือกใช้เครื่องทำเครปแบบพกพาจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากใช้ทำทานเองหรือใช้ทำทานภายในครอบครัวเป็นหลักนั่นเองค่ะ
หากคุณต้องการทำเครปขนาดเดียวกับที่ขายทั่วไปในร้านค้า แนะนำให้ใช้เครื่องทำเครปที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 cm ขึ้นไป เพราะคุณสามารถใส่ท็อปปิ้งและแต่งหน้าเครปได้ตามใจชอบ รวมถึงการที่แป้งเครปมีขนาดใหญ่ ทำให้พับหรือม้วนเครปได้ง่ายดายอีกด้วย
แต่ยิ่งเส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ไม้พายสำหรับเกลี่ยแป้งก็จะต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เพราะจะต้องเกลี่ยแป้งให้สม่ำเสมออย่างเร็วที่สุดก่อนที่แป้งจะเริ่มสุก อย่างไรก็ตาม หากคุณเน้นเรื่องความสะดวก หรืออยากจะทำเครปกันสนุก ๆ ภายในครอบครัว เราขอแนะนำเลือกให้ขนาดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 cm เพราะจะช่วยให้คุณทำเครปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นค่ะ
อีกหนึ่งข้อสำคัญที่หลายคนมักจะใช้เป็นตัวเลือกในการซื้อเครื่องทำเครป คือ ฟังก์ชันการปรับอุณหภูมิ หรืออุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่อง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดที่บอกได้ว่า เครื่องทำเครปแต่ละเครื่องนั้นเหมาะกับเครปแบบไหนบ้าง เช่น ถ้าเป็นเครื่องที่มีอุณภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง หมายถึง แป้งเครปที่ได้จะกรอบเร็วขึ้น หรือหากเป็นอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก ก็จะได้แป้งเครปที่นิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะกับการทำเครปเค้ก เป็นต้น
โดยประโยชน์ของฟังก์ชันการปรับอุณหภูมินั้น นอกจากจะควบคุมระดับความร้อนได้ง่ายแล้ว ยังสามารถรังสรรค์เมนูอร่อยได้หลากหลาก เช่น แพนเค้ก, โอโคโนมิยากิ, บ้าบิ่น, พิซซ่า หรือแม้แต่การปิ้งย่างค่ะ
มาถึงส่วนประกอบสำคัญอีกหนึ่งอย่างกันบ้าง นั่นก็คือ วัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตา ซึ่งตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยนำและกระจายความร้อนไปยังแป้งเครป อีกทั้งยังส่งผลต่อราคาและความทนทานอีกด้วย โดยวัสดุที่ใช้ทำแผ่นเตานั้นจะมี 2 ประเภท คือ อะลูมิเนียมอัลลอย และสเตนเลสสตีลค่ะ
เมื่อพูดถึงอะลูมิเนียมอัลลอย (Aluminum Alloys) แน่นอนว่าข้อดีที่โดดเด่น คือ การนำความร้อนได้ดีเยี่ยม มีน้ำหนักเบา จึงเป็นวัสดุที่เหมาะกับการนำไปทำกระทะเคลือบ เทฟลอน (Teflon) เพราะหยิบจับได้ง่ายและไม่หนักมือ แต่ในทางกลับกัน วัสดุประเภทนี้ก็มีข้อเสีย คือ ไม่ค่อยมีความทนทานมากนักและทำให้ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ๆ หากใช้เป็นประจำหรือต้องการใช้ในระยะยาวค่ะ
หากคุณต้องการวัสดุที่มีความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน ทนทานต่อการกัดกร่อน ต้องยกให้ สเตนเลสสตีล (Stainless Steel) หรือเหล็กกล้าไร้สนิมเลยค่ะ นอกจากมีความทนทานสูงแล้ว สเตนเลสสตีลยังสามารถนำความร้อนได้ดีด้วยเช่นกัน จึงทำให้แป้งเครปกรอบขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทว่าคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงพอสมควร ดังนั้น หากใครที่ต้องการใช้งานเป็นครั้งคราว แนะนำให้เลือกแบบอะลูมิเนียมอัลลอยก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ
เมื่อเรามีเครื่องทำเครปกันแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ อุปกรณ์ผู้ช่วยต่าง ๆ ตามความถนัด เช่น ไม้พาย ที่แซะ หรือไม้ปาดหน้าเครป โดยสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในทันทีที่คุณหยอดแป้งเครปลงบนหน้าเตา ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแถมอุปกรณ์เหล่านี้มากับตัวเครื่องอยู่แล้วค่ะ
แต่ถ้าหากไม่มีแถมมาให้ คุณก็สามารถไปเลือกซื้อมาใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะมีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามร้านเบเกอรี่ ซึ่งบางกรณีก็อาจไม่จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยปาด เช่น ผู้ที่ใช้เครื่องทำเครปแบบกระทะ แต่อาจต้องใช้ทักษะในการร่อนแป้งบนกระทะแทนค่ะ
และแล้วก็มาถึง 10 อันดับเครื่องทำเครปยอดนิยม ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้มากมาย ซึ่งทั้ง 10 อันดับต่อไปนี้จะช่วยให้คุณได้ทำเมนูเครปที่น่าทานและเพิ่มความสนุกสนานของช่วงเวลาในการทำอาหารของเราได้มากขึ้น จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มด้วยเตาทำเครปขนาดใหญ่รุ่นนี้กันก่อนเลยค่ะ ทั้งจุใจและทนทานสุด ๆ เพราะใช้แผ่นสเตนเลสที่มีความหนาถึง 8 mm พร้อมติดตั้งหัวแก๊สแรงดันต่ำแบบ C30 ซึ่งเปิด-ปิดได้ง่ายด้วยการหมุนพวงมาลัยและสามารถถอดเปลี่ยนได้ แถมชุดเปิด-ปิดนี้ยังทำมาจากทองเหลืองแท้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจุดเตาทิ้งไว้นาน หากไม่มีการใช้งาน เพราะความร้อนสะสมจะทำให้หน้าเตาโก่งตัวจนเสียรูปได้และควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีลมแรงค่ะ
เอาใจคนที่ชอบเครปแผ่นใหญ่กันด้วยเครื่องทำเครปรุ่นนี้เลย เพราะมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 40 cm ตามด้วยปุ่มหมุนปรับอุณหภูมิที่ปลั๊กเสียบได้ถึง 5 ระดับ แผ่นเตาเป็นวัสดุที่เคลือบด้หลายชั้น ได้แก่ วัสดุเคลือบกันติด, ผงเพชร, คริสตัล เป็นต้น รับรองเลยว่า เครปหรือเมนูอื่น ๆ ที่คุณทำนั้นจะไม่ติดกระทะอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีควันน้อย และทำความสะอาดได้ง่าย แต่เนื่องจากกำลังไฟที่สูงถึง 1,300W จึงอาจะต้องคำนึงถึงเรื่องค่าไฟด้วยค่ะ
สำหรับเครื่องทำเครปรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่กำลังไฟ 900W ซึ่งกระจายความร้อนได้ดีเยี่ยม ช่วยทำให้แป้งเครปสุกได้เร็วมากขึ้น ภายใน 20 วินาทีเท่านั้น ! หน้าตัวเคลือบผิวด้วย เทฟลอน คุณภาพ ช่วยกันน้ำและทำให้อาหารไม่ติดค้างบนผิวเครื่อง ด้ามจับทำจากพลาสติกกันลื่น และมีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิด อย่างไรก็ตาม การเทแป้งต้องอาศัยความชำนาญและความรวดเร็ว เพราะหากทำช้าก็จะทำให้เนื้อแป้งไม่สม่ำเสมอหรือสุกไม่เท่ากันได้ค่ะ
เติมเต็มความสนุกสนานในการทำเครปด้วยกระทะสีชมพูสุดสดใส ที่มีการเคลือบผิวลื่น (แบบ Non-Stick) ซึ่งช่วยทำให้เครปไม่ติดกระทะ ล้างทำความสะอาดได้ง่าย และประยุกต์ใช้ทำเมนูอื่นได้อย่างหลากหลาย โดยรุ่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส, เตาขดลวดไฟฟ้า, ฮีตเตอร์ และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ด้ามจับหุ้มด้วยพลาสติกซึ่งช่วยป้องกันการนำความร้อนได้ดี รวมถึงมีการเชื่อมด้ามที่แน่นหนาแข็งแรง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นด้วยค่ะ
กระทะก้นแบนจาก SARA รุ่นนี้ นอกจากจะมีความหนาพิเศษแล้ว ยังเคลือบด้วยหินอ่อนถึง 6 ชั้น ซึ่งทำให้หน้ากระทะทนทานต่อรอยขีดข่วน แม้จะนำความร้อนได้ค่อนข้างช้า แต่กระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้ามจับยาว 18 cm ทำจากพลาสติก Bakelite ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนสูงได้ดีและเป็นฉนวนไฟฟ้า นอกจากนี้ ก้นกระทะยังเสริมด้วยวัสดุพิเศษ ทำให้รองรับการใช้งานกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้และใช้ทำเมนูคาวหวานได้หลากหลายทีเดียวค่ะ
กระทะไฟฟ้าของ SKG รุ่นนี้ จะช่วยให้การทำเครปของคุณง่ายขึ้นไปอีกขั้น เพราะมีปุ่ม on/off ช่วยควบคุมการเปิด-ปิดกระทะ เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย มีกำลังไฟสม่ำเสมออยู่ที่ 800W สามารถทำได้ทั้งเครปร้อนและเครปเย็น หน้ากระทะเคลือบด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ติดและช่วยให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย หรือจะเปลี่ยนไปใช้ทำเมนูอื่น ๆ อย่างการทอดไข่ดาวสำหรับมื้อเช้าก็ได้เช่นกันค่ะ
เครื่องทำเครปคุณภาพดีจากสเปนรุ่นนี้ ใช้กำลังไฟ 1,000W โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ กระจายความร้อนได้ทั่วถึงทุกจุด ทำความร้อนได้สูงสุดที่ 200 องศา หน้าเตาเคลือบผิวลื่นด้วย เทฟลอน ทำให้เครปไม่ไหม้ติดเตา ไม่ว่าจะเครปแบบกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กก็ได้ ที่สำคัญ คือ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีปุ่ม on/off ควบคุมการเปิด-ปิด ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อลืมถอดปลั๊กอีกด้วยค่ะ
กระทะรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกระทะทำเครปคุณภาพเลยก็ว่าได้ เพราะผลิตจากอะลูมิเนียมหนา 2.5 mm เคลือบผิวลื่นความปลอดภัยสูงด้วย เทฟลอน 3 ชั้น มาตรฐานสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระจายความร้อนได้เร็ว ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด ด้ามจับทำจากสเตนเลสกันความร้อนพิเศษ ยึดด้วยหมุดย้ำแบบริเวท (Rivet) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน อย่างไรก็ตาม กระทะรุ่นนี้สามารถใช้ได้กับเตาทุกชนิด ยกเว้นเตาแม่เหล็กไฟฟ้านะคะ
มาที่รุ่นยอดฮิตได้รับการบอกต่อกันบ้าง กับเครื่องทำเครปของ CASIKO ที่มีกำลังไฟสูงถึง 1,200W สามารถกระจายความร้อนได้เร็วอย่างทั่วถึง หน้าเตาเคลือบด้วย เทฟลอน ช่วยไม่ให้เครปติดเตา มีปุ่มควบคุมการเปิด-ปิดและหมุนปรับความร้อนได้ในตัว พร้อมไฟแสดงการทำงาน ใต้เครื่องมีช่องสำหรับเก็บสายไฟอัตโนมัติ แต่มีข้อเสีย คือ สายไฟค่อนข้างสั้น ทำให้จะต้องหาพื้นที่จัดวางเตาให้ใกล้ปลั๊กไฟที่สุด และใช้งานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 ชม. ค่ะ
เครื่องทำเครปยอดฮิตรุ่นนี้ มีหน้าเตาเคลือบด้วย Non-Stick สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ใช้กำลังไฟ 920W ซึ่งได้รับการการันตีว่า กระจายความร้อนได้เร็วและทั่วถึงทุกจุด โดยเครป 1 แผ่นใช้เวลาทำเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด พกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สบายมาก มีสวิตช์เปิด-ปิดที่หมุนปรับความร้อนได้ พร้อมสัญญาณไฟแสดงการทำงานและมีช่องเก็บสายไฟใต้เครื่องด้วย นอกจากจะนำไปทำเครปกรอบ เครปเย็น หรือแพนเค้กได้แล้ว ยังสามารถใช้ทำทองม้วน ขนมเบื้องและเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วยค่ะ
รู้หรือไม่ว่า นอกจากเครื่องทำเครปจะสามารถรังสรรค์เมนูเครปคาวหวานได้ตามใจเราแล้ว ยังนำไปใช้ประโยชน์ในการทำเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น แพนเค้ก โอโคโนมิยากิ หรือพิซซ่า เพราะความร้อนที่เตาส่วนใหญ่ทำได้นั้น อยู่ในระดับเดียวกันกับการอบขนมนั่นเองค่ะ
และนอกจากขนมหรือเมนูที่เกี่ยวกับแป้งแล้ว การนำเครื่องทำเครปไปใช้กับเมนูอาหารคาว ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำเตาเครปที่มีหน้ากว้างมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะนำไปทำสุกี้ ปิ้งย่าง หรือแม้แต่การย่างเนื้อสัตว์และเบคอน เรียกได้ว่าซื้อเพียงครั้งเดียวแต่ใช้งานได้คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกเครื่องทำเครปที่น่าสนใจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า เทคนิคและข้อสังเกตต่าง ๆ จะช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องทำเครปของคุณนั้นง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย และจากการแนะนำทั้ง 10 อันดับไป หลายคนคงเห็นแล้วว่า ทั้งยี่ห้อและวัสดุแต่ละประเภทนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในลำดับไหน หรือจะเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในลิสต์นี้ก็ตาม หากมีรูปแบบที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของคุณ ก็สามารถเลือกซื้อมาไว้ใช้สร้างสรรค์เมนูที่เราชื่นชอบได้ค่ะ
วิธีเลือกซื้อเครื่องผสมอาหารที่คุณแม่บ้านต้องไม่พลาด โดย ร้านค้าอย่างเป็นทางการของพวกเรา
ร้านค้าอย่างเป็นทางการของพวกเรามีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้เลือกใช้กันหลากหลายประเภทด้วยกัน อาทิ ไมโครเวฟ , เครื่องทำวาฟเฟิล , เครื่องดูดความชื้น ซึ่งรวมถึงเครื่องเตรียมอาหารด้วย โดยเครื่องเตรียมอาหารนี้ก็มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน ทั้งเครื่องผสมอาหารและเครื่องปั่นอาหาร ยิ่งสำหรับคุณแม่บ้านหรือมือใหม่หัดทำขนมหรือเบเกรี่แล้ว เครื่องผสมอาหารถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ทั้งนี้ในปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์ที่ผลิตเครื่องผสมอาหารคุณภาพเยี่ยมมาให้เลือกกันแทบไม่ถูกเลย และเพื่อให้เลือกซื้อกันได้ง่ายขึ้นนั้น ทาง iPrice ก็มีวิธีเลือกซื้อมาบอกต่อกัน ดังนี้
- ดูจำนวนวัตต์ของมอเตอร์เป็นอันดับแรก
- ก่อนอื่นเลยคุณแม่บ้านหรือนักทำขนมมือใหม่ต้องดูที่จำนวนวัตต์ของมอเตอร์ว่าสมเหตุสมผลกับราคาหรือเปล่า ซึ่งถ้าเครื่องมีจำนวนวัตต์สูงก็แปลว่าแรงปั่นสูงและจะช่วยลดเวลาในการผสมอาหารลงเยอะเลย หากต้องการเครื่องผสมอาหารสำหรับผสมหรือตีแป้ง ให้เลือกจำนวนวัตต์มากกว่า 500 วัตต์ขึ้นไป เนื่องจากถ้าจำนวนวัตต์น้อยกว่านี้จะเสียหายและพังง่ายได้ แต่ถ้าต้องการแค่ตีไข่หรือส่วนผสมอื่น ๆ ก็ให้เลือกเครื่องผสมอาหารที่มีจำนวนวัตต์ต่ำกว่า 500 วัตต์
- เลือกขนาดโถให้เหมาะสม
- ขนาดโถหรือขนาดความจุของเครื่องผสมอาหารนั้นก็สำคัญไม่น้อยเลย เพราะฉะนั้นควรเลือกความจุที่ได้มาตรฐานคือ 5 ลิตรขึ้นไป เพราะจะช่วยให้ทำขนทหรือเบเกอรี่ได้ครั้งละมากพอประมาณ หรือจะเลือกจากขนาดของเตาอบที่มีก็ได้ คือ เตาอบขนาด 45 หรือ 70 ลิตร ให้ใช้เครื่องผสมอาหารขนาด 5 ลิตร แต่ถ้าใช้เตาอบแบบอบเป็นถาดอย่างเตาอบแก๊ส เตาอบไฟฟ้า หรือเตาอบแก๊สคุมไฟฟ้า ก็ให้เลือกเครื่องผสมอาหารมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป อย่างเช่น 15 ลิตร 20 ลิตร หรือ 30 ลิตรก็ได้
- เลือกซื้อจากวัสดุการผลิต
- รู้หรือไม่ว่าวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องผสมอาหารก็บ่งบอกอายุการใช้งานของเครื่องผสมอาหารได้ด้วย จึงควรเลือกเครื่องที่ผลิตจากเหล็กตัวใหญ่เพราะจะทนทานต่อการใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะพังเสียหายแต่อย่างใด ส่วนเครื่องผสมอาหารแบบพลาสติกเครื่องเล็ก จะมีแรงขับเคลื่อนไม่ดีและทำความสะอาดยากกว่าแบบเหล็กด้วย
ดูแลรักษาเครื่องผสมอาหารอย่างไรให้ใช้ได้นาน
เมื่อบอกต่อวิธีเลือกซื้อเครื่องผสมอาหารกันไปแล้ว ร้านค้าอย่างเป็นทางการของพวกเราก็ไม่พลาดอัพเดตวิธีดูแลรักษาเครื่องผสมอาหารให้ใช้ได้นานแก่คุณแม่บ้านและนักทำขนมมือใหม่ด้วย ซึ่งได้แก่
- อ่านคู่มือการใช้งาน
- ก่อนลงมือทำความสะอาดเครื่องผสมอาหารให้อ่านคู่มือการใช้งานโดยละเอียด เพื่อเลี่ยงการทำความเสียหายแก่เครื่องผสมอาหาร
- ฐานรองต้องมั่นคงแข็งแรง
- อย่าลืมวางเครื่องผสมอาหารบนฐานรองที่มั่นคงแข็งแรง เพื่อลดอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงต่อการทำเครื่องชำรุด
- เลือกความเร็วให้เหมาะสม
- ก่อนปั่นหรือผสมอาหารทุกครั้ง อย่าลืมเลือกความเร็วในการผสมอาหารให้เหมาะสมด้วย
- ปิดเครื่องก่อนเติมส่วนผสมลงไป
- ควรหยุดการทำงานของเครื่องก่อนเติมส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้คุณแม่บ้านหรือนักทำขนมมือใหม่ก็ควรปิดเครื่องและถอดปลั๊กทุกครั้งหลังใช้งานเครื่องผสมอาหาร ทุกครั้งที่ทำความสะอาดก็ระวังไม่ให้มอเตอร์โดนน้ำ และถ้าเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าให้เลิกใช้ทันที